ปัจจุบันวิธีการก่อสร้างบ้านสามารถแบ่งประเภทได้ 2 แบบหลักๆ คือ
1. บ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ทำกันมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นก่อด้วยอิฐมอญ หรืออิฐมวลเบา
2. บ้านประกอบ (บ้านพรีแคส) – เริ่มต้นจากการตอกเสาเข็ม ทำฐานรากและคานคอดิน เหมือนกับการก่อสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน จากนั้นจึงเริ่มนำแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูปเข้ามาประกอบตามที่ได้ออกแบบไว้ โดยโดยการเชื่อมยึดแผ่นเหล็กในส่วนประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน ส่วนประกอบอาคารทั้งหมดทั้งภายในและภายนอกจะถูกหล่อขึ้นด้วยคอนกรีตจากโรงงาน บ้านประเภทนี้จะไม่มีเสาเลยแต่จะใช้ผนังหล่อสำเร็จนั้นเป็นตัวรับน้ำหนักที่เกิดขึ้นทั้งหมด
สร้างโดยการก่ออิฐมอญ
ข้อดี
1. มีความคงทนแข็งแรง
2. มีความหยืดหยุ่นมากกว่าใน การซ่อมแซม ทุบรื้อ ตัดเจาะผนัง หรือต่อเติมได้
3. สามารถเพิ่มรายละเอียดในตัว แบบบ้าน ได้ตามวัตถุประสงค์
ข้อเสีย
1. ใช้เวลาก่อสร้างนาน และต้องใช้กำลังคนเยอะ
2. ปัญหาการหยุดชะงักของงานในบางกระบวนการ เนื่องจากสภาพ ดินฟ้าอากาศไม่อำนวย
สร้างโดยระบบ Precast
ข้อดี
1. ลดระยะเวลาและกำลังคนใน การก่อสร้าง ทำให้ลดต้นทุน สำหรับผู้ประกอบการ
2. ผิวบ้านเป็นวัสดุสำเร็จรูป จึงมีความเรียบ เนียนมากกว่า
3. แก้ปัญหาการหยุดชะงักของงาน เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศไม่อำนวย
ข้อเสีย
1. มีโอกาสที่บ้านจะแตกร้าว หรือรอยรั่วซึมมาก โดย เฉพาะตามจุด ข้อต่อระหว่างชิ้นส่วน
2. มีข้อจำกัดในการซ่อมแซม ทุบรื้อผนัง ตัดเจาะผนัง หรือต่อเติม เนื่องจากจะมีผลต่อความแข็งแรงของตัว อาคาร แม้แต่การตกแต่งบ้านเล็กๆน้อยๆอย่างการ ตอกตะปูยังทำได้ยาก
3. แบบบ้านมักจะมีรายละเอียดไม่ซับซ้อน เนื่องจาก จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าแบบก่ออิฐฉาบปูน และ ก่อสร้างได้ช้า เนื่องจากชิ้นงานสำเร็จรูปมีมาก เกินไป
4. สนิมบริเวณจุดเชื่อมต่อชิ้นส่วน
5. ขณะที่ก่อสร้างบ้านจะดูไม่แข็งแรง ทำให้ผู้ประกอบ การมักไม่อยากให้ลูกค้าดูขณะที่กำลังก่อสร้างบ้าน
ผู้ซื้อควรจะศึกษาและพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละระบบให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง เพราะกว่าจะออมเงินเพื่อซื้อบ้านสักหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ว่ากันว่า ต้องใช้เวลาในการทำงานเพื่อเก็บเงินเฉลี่ยครึ่งหนึ่งของชีวิตการทำงาน หรือบางคนอาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต กว่าจะได้บ้านหลังงามมาเป็นเจ้าของ